เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
“เด็กควรได้รับนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน และต้องเป็นนมแม่ล้วน ๆ ไม่เสริมอย่างอื่นเลย แม้แต่น้ำเปล่า ซึ่งหลัง 6 เดือนไปแล้ว ไปจนถึงอายุ 2 ขวบ นมแม่ก็ยังมีประโยชน์และอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่า แต่อาจจะไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของเด็ก จึงควรให้อาหารอื่นเพิ่มตามน้ำหนักตัว เพื่อกระตุ้นการทำงานของลำไส้ของเด็ก แต่สำหรับในประเทศไทย จากการสำรวจของ UNICEF ในปี 2555 ยังพบว่า มีแม่เพียงร้อยละ 12.3 เท่านั้นที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่จนทารกมีอายุถึง 6 เดือน ซึ่งถือว่ายังเป็นปริมาณที่น้อยมาก”…นี่เป็นส่วนหนึ่งจากการระบุของ พญ.ยุพยง แห่งเชาวนิช เลขาธิการมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับ ‘นมแม่”
เป็นการระบุที่เวที’สัญญาประชาคม CODE”
ที่มีการจัดขึ้นเพื่อปกป้องสิทธิของเด็กทารก
ทั้งนี้ ที่ ต.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เมื่อเร็ว ๆ นี้ มูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ ร่วมกับตำบลนมแม่ เทศบาลตำบลท่าม่วง ประชาชน จัดกิจกรรมประกาศ “สัญญาประชาคม” ประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันรณรงค์ ส่งเสริม สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้มากที่สุด พร้อมทั้งประกาศความร่วมมือระหว่างองค์กรภาคีเครือข่ายและภาคประชาสังคม ผลักดัน “พ.ร.บ.ควบคุมการส่งเสริมตลาดอาหารทารกและเด็กเล็ก และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (CODE)”
กับ “สัญญาประชาคม” นั้น มีเนื้อหา อาทิ…ให้มีการประชา สัมพันธ์ความรู้เรื่องนมแม่ในหลายช่องทาง, หญิงตั้งครรภ์ได้รับการฝากครรภ์ก่อน 12 สัปดาห์และฝากครรภ์ 5 ครั้งตามเกณฑ์, หญิงหลังคลอด และเด็ก 0-5 ขวบ ได้รับการเยี่ยมบ้านทุกราย, ครอบครัวต้องมีส่วนร่วมในการส่งเสริมให้ทารกกินนมแม่อย่างเดียว อย่างน้อย 6 เดือน และเลี้ยงควบคู่อาหารตามวัยจนครบ 2 ขวบ, ส่งเสริมการเสริมสร้างพัฒนาการเด็กด้วยกิจกรรม กิน กอด เล่น เล่า, สถานประกอบการจัดให้มีมุมนมแม่ มีสถานที่ให้นมบุตร หรือบีบเก็บน้ำนมสำหรับแม่หลังคลอด
เลขาธิการมูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ ระบุว่า…ในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิตเด็ก ยังไม่พร้อมที่จะรับอาหารเสริมอย่างอื่น ดังนั้น ‘นมแม่”เป็นสิ่ง’จำเป็น”และ’ดีที่สุดสำหรับเด็กทารก”นมแม่มีสารอาหารครบถ้วนมากกว่าอาหารใด ๆ จึงควรให้เด็กกินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงอายุ 2 ขวบ โดยนมแม่มีความแตกต่างจากนมผงมาก และเป็นความแตกต่างในทางที่ดีกว่า เช่น…นมแม่อุดมด้วยสารอาหารต่าง ๆ มากมายมหาศาล มีมากกว่า 200 ชนิด ขณะที่ในนมผงมีประมาณ 60 ชนิด นมแม่มีสารอาหารที่เหมาะกับเด็กที่ไม่ส่งผลให้เด็กเกิดภูมิแพ้ได้ง่าย ในช่วง 6 เดือนแรกร่างกายเด็กยังสร้างน้ำย่อยไขมันไม่ได้เต็มที่ ซึ่งในน้ำนมแม่จะมีน้ำย่อยไขมันด้วย สารไขมันจึงถูกนำไปใช้สร้างสมองเด็กได้อย่างเต็มที่ และการที่เด็กได้กินนมแม่จะมีส่วนช่วยให้เด็กมีไอคิวเพิ่มขึ้น อีกทั้งการให้ลูกกินนมแม่นั้นยัง สามารถช่วยประหยัดค่านมผงไปได้เดือนละกว่า 3,000 บาท
‘ไม่มีอาหารอะไรที่มีคุณค่าจนสามารถทดแทนนมแม่ได้.”
“ชุมชนต้องออกมาปกป้องแม่และเด็กในชุมชนของตนเอง…”
“กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมให้มารดาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน ให้ได้ร้อยละ 60 ภายในปี 2558 หรือตั้งเป้าให้ทารกกินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนแรกให้ได้ 4.8 แสนคน และส่งเสริมการให้นมแม่อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับอาหารตามวัยเป็นระยะเวลา 2 ปีหรือนานกว่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนในสังคมไทยจะต้องช่วยกันสนับสนุน และผลักดันให้ร่าง พ.ร.บ. มีผลบังคับใช้โดยเร็ว” …เหล่านี้เป็นอีกส่วนหนึ่งจากการระบุของ พญ.ยุพยง เลขาธิการมูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ
ทั้งนี้ กับ พ.ร.บ.ควบคุมการส่งเสริมตลาดอาหารทารกและเด็กเล็กฯ นั้น มีการขับเคลื่อนจากหน่วยงานต่าง ๆ ทางด้านสาธารณสุขและภาคประชาสังคมมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการรับรองจากภาคีเครือข่ายในที่ประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 3 เมื่อปี 2553 โดยคณะรัฐมนตรีก็ได้มีการรับรองมติของที่ประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ในปี 2554 และมาถึงปัจจุบัน พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวอยู่ในระหว่างการนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
ศิริพรรณ ภัทรสิริวรกุล แกนนำ อสม.นมแม่ บอกว่า…ท่าม่วงเป็นตำบลที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น “ชุมชนนมแม่” ต้นแบบ ที่ประสบความสำเร็จในการส่งเสริมการ “เลี้ยงลูกด้วยนมแม่” ตั้งแต่ปี 2551 ด้วยการทำงานเป็นเครือข่ายระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ทั้งโรงพยาบาล อสม. ประชาชน โรงเรียน โรงงาน เพื่อให้ประชาชนเกิดความตระหนักและเห็นความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และยังคงมีการจัดการรณรงค์เรื่องนี้ มี อสม.ออกเยี่ยมเยียนช่วยเหลือแม่หลังคลอดทุกคนให้สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างน้อย 6 เดือน หรือมากกว่านั้น
‘การจัดเวทีสัญญาประชาคม CODE ของชาวท่าม่วง เพื่อที่จะบอกให้ทุกคนรู้ว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีประโยชน์และมีคุณค่ากับตัวแม่และเด็กมากกว่า และเป็นการประกาศเจตนารมณ์ว่าชาวท่าม่วงจะร่วมกันรณรงค์ส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้มากที่สุด”…แกนนำ อสม. ระบุ
‘สัญญาประชาคมนมแม่”นี่เป็นอีกกรณี
เป็นการเน้นย้ำยืนยันเกี่ยวกับ’นมแม่”
ว่า’ดีที่สุด”สำหรับการเลี้ยงลูก!!!.
หมวดหมู่
- คสช. (61)
- งานส่งเสริมสิทธิ (228)
- จักรยาน (2)
- ทั่วไป (447)
- ธรรมนูญสุขภาพ (1,167)
- 3 กองทุนสุขภาพ (179)
- การเข้าถึงยา (202)
- กำลังคน (257)
- ธรรมนูญพื้นที่ (11)
- บีโอไอ (7)
- ระบบประกันสุขภาพ (300)
- แพทย์แผนไทย ยาไทย (54)
- FTA (26)
- Medical Hub (83)
- ปฏิรูปประเทศไทย (129)
- ระบบสุขภาพ (48)
- สช.เจาะประเด็น (10)
- เขตสุขภาพ (77)
- แถลงข่าวสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 5 พ.ศ.2555 (9)
- HA (1,591)
- 1 ทศวรรษสมัชชา (16)
- การจัดการน้ำ (39)
- ความเหลื่อมล้ำ (6)
- จักรยาน (3)
- ฉลากขนม (39)
- ตรวจสุุขภาพ (25)
- ท้องไม่พร้อม (88)
- นาโนเทคโนโลยี (3)
- นโยบายนักการเมือง (25)
- บุหรี่/ยาสูบ/เหล้า (128)
- ประชุมสมัชชาฯปี55 (20)
- ประธานคจ.สช. (25)
- พรบ.คุ้มครองฯ (71)
- ภัยพิบัติ (50)
- ยาฆ่าแมลง (40)
- หมอกควัน (4)
- อาหารปลอดภัย (76)
- อ้วน/น้ำหนักเกิน (21)
- เด็กเล็ก (57)
- แถลงข่าว NHA 55 ประเด็น สวล. (1)
- แรงงานนอกระบบ (89)
- แร่ใยหิน (409)
- แถลงข่าว_แกรนด์ไชน่า (13)
- NHA57 (30)
- HIA (323)
- ถ่านหิน (36)
- มาบตาพุด (25)
- หวยออนไลน์ (1)
- อาเซียน (3)
- อุตสาหกรรมขยะของเสีย (18)
- เหมืองทองคำที่เลย (12)
- เหมืองแร่เลย (36)
- แผนพัฒนาภาคตะวันออก (2)
- โรงไฟฟ้า ชีวมวล (52)
- PHA (52)
- sirnet (17)